ทำไมต้องดูแล เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ

ทำไมต้องดูแล เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ

เราต้องดูแล เด็ก เยาวชน สตรี และ ผู้สูงอายุ เพราะว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีความเปราะบาง และต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษ

เด็กและเยาวชน

อยู่ระหว่างการเจริญเติบโต ร่างกายและจิตใจยังไม่สมบูรณ์ ต้องการการดูแล อบรมสั่งสอน และชี้นำ เพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
เสี่ยงต่อปัญหาต่างๆ เช่น การถูกล่วงละเมิด การถูกทอดทิ้ง การมีปัญหายาเสพติด การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
เป็นอนาคตของชาติ จำเป็นต้องได้รับการพัฒนา และส่งเสริมศักยภาพ

สตรี

มีบทบาทสำคัญในครอบครัว ชุมชน และสังคม
เสี่ยงต่อปัญหาต่างๆ เช่น การถูกเลือกปฏิบัติ การใช้ความรุนแรง การค้ามนุษย์
สมควรได้รับการส่งเสริมความเท่าเทียม และโอกาสต่างๆ

ผู้สูงอายุ

ร่างกายเสื่อมโทรม ต้องการการดูแล เอาใจใส่ และช่วยเหลือ
เสี่ยงต่อปัญหาต่างๆ เช่น โรคภัยไข้เจ็บ ความเหงา ซึมเศร้า
สมควรได้รับการเคารพ ยกย่อง และดูแลอย่างดี
การดูแล เด็ก เยาวชน สตรี และ ผู้สูงอายุ เป็นหน้าที่ของทุกคนในสังคม เราควรช่วยเหลือ สนับสนุน และส่งเสริมให้กลุ่มคนเหล่านี้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมต่อไป

นอกจากนี้ การดูแล เด็ก เยาวชน สตรี และ ผู้สูงอายุ ยังมีประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ดังนี้:

ลดปัญหาอาชญากรรม
ส่งเสริมเศรษฐกิจ
พัฒนาสังคมให้เจริญก้าวหน้า
ดังนั้น เราทุกคนควรมีส่วนร่วมในการดูแล เด็ก เยาวชน สตรี และ ผู้สูงอายุ เพื่อสร้างสังคมที่ดี และยั่งยืน

ปัญหาใหญ่ในงานติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่

ในปัจจุบันการเคลือบ พื้นอีพ็อกซี่ ในโรงงานอุตสาหกรรมได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากพื้นของโรงงานมักจะเสี่ยงต่อการถูกกระแทกจากการตกหล่นหรือการเคลื่อนย้ายสิ่งต่าง ๆ และต้องรองรับน้ำหนักของเครื่องจักรขนาดใหญ่ อีกทั้งอาจจะมีสารเคมีและน้ำมันที่อาจตกลงสู่พื้นและทำลายพื้นผิวของโรงงานได้ การเคลือบ พื้นอีพ็อกซี่ (epoxy) โรงงานจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มความแข็งแรงและปลอดภัยให้กับพื้นโรงงาน เนื่องจากนี้เมื่อเคลือบแล้วจะทำให้พื้นคอนกรีตสามารถทนทานต่อแรงกระแทก รองรับน้ำหนักต่าง ๆ ได้ดี ไม่ทำให้พื้นลื่น ทั้งยังทนทานต่อความร้อนและไฟได้อีกด้วย ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพื้นโรงงานได้อย่างดีค่ะ ดังนั้นการเคลือบพื้นอีพ๊อกซี่ จึงป็นสิ่งที่ทุกๆโรงงานควรทำ เพราะนอกจากจะทนทานต่อแรงกระแทกและน้ำหนักแล้ว ยังป้องกันคราบสกปรกต่าง ๆ ซึมเข้าสู่พื้นของโรงงานได้ ช่วยทำให้อากาศภายในโรงงานเย็นมากขึ้นเพราะสามารถส่งความเย็นจากพื้นมาสู่ภายในโรงงาน การเคลือบ Epoxy ที่พื้นจึงไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของความแข็งแรงปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเพิ่มประโยชน์เรื่องของสภาพอากาศภายในโรงงานอีกด้วย

พื้นอีพ็อกซี่ ส่วนใหญ่หลายท่านคงเคยได้ยินแต่ข้อดีต่างๆ เช่น ทนทาน ทำความสะอาดง่าย รองรับแรงน้ำหนักและการสั่นสะเทือนได้ดี อายุการใช้งานยาวนาน ทนต่อแรงกระทำ สามารถทนต่อสารเคมีต่างๆ ได้นั่นเป็นการวัดที่การติดตั้งสมบูรณ์ 100%หรือเป็นเพียงทางทฤษฏี แต่การทำงานจริงหรือติดตั้งที่พื้นที่จริงมีองค์ประกอบมากมายที่ลดประสิทธิภาพของพื้นอีพ็อกซี่ลง ทำให้ไม่สามารถใช้งานพื้นที่มี performance ได้เต็มที่ และข้อควรคำนึงอีกอย่างคือพื้นอีพ็อกซี่นั้นเป็นพื้นที่ hand made ทุกขั้นตอน จึงอาจจะมี defect หรือบางบริเวณที่อาจจะมีการติดตั้งที่ไม่สมบุรณ์ ขอยกตัวอย่าง่ายๆ เช่น ความหนาพื้นที่ออกแบบให้มีความหนา 4 มิลลิเมตร บางพื้นที่จะมีความหนา 4 มิลลิเมตร บางพื้นที่อาจจะมี 3.5 มิลลิเมตร เป็นต้น

ปัญหาใหญ่ๆที่พบเจอ 4 ข้อนั้นมีอะไรบ้าง และ สามารถป้องกันเพื่อไม่ให้ปัญหาพื้นลุกลามมากกว่านี้
1. ปัญหาความชื้นที่อยู่ในพื้นผิวคอนกรีต เป็นปัญหาที่พบมากในพื้นที่ร้อนชื้นคือคอนกรีตจะอมความชื้นไว้มากจนไม่สามารถติดตั้ง พื้นอีพ็อกซี่ ได้ สาเหตุที่คอนกรีตอมความชื้นไว้มากมีหลายข้อ เช่น คอนกรีตมีความพรุนมาก ก่อนเทพื้นคอนกรีตไม่มีการติดตั้งระบบกันซึมที่กันความชื้น หรือคอนกรีตมีกำลังอัดต่ำเป็นผลให้ความชื้นสามารถแทรกตัวเข้ามาได้ อีพ็อกซี่ กับความชื้นเป็นของที่ไม่ถูกกัน แม้ความชื้นเพียงนิดเดียวก็สามารถทำให้พื้นอีพ็อกซี่หลุดร่อนได้ แนะนำให้วัดความชื้นที่ผิวคอนกรีตก่อนการติดตั้งพื้นทุกครั้งโดยในทางทฤษฏีควรมีความชื้นไม่เกิน 5% เมื่อวัดแล้วมีค่าเกิน กรณีพื้นคอนกรีตเทใหม่ ต้องรอให้พื้นคายความชื้นหลังเทคอนกรีตและรออย่างน้อย 28 วันหลังเทคอนกรีตสด ส่วนพื้นที่เดิมถ้าเกินควรทำการซ่อมแซมหยุดความชื้นด้วย pu foam injection หรือ acrylate gel injection เพื่อ block ความชื้นก่อน ถ้าเราปูพื้นอีพ็อกซี่บนพื้รนผิวชื้นอายุการใช้งานจะสั้นลงและหลุดร่อนในที่สุด

2. ปัญหาการเตรียมพ้นผิวไม่ดีพอและไม่เหมาะสมกับเรซิ่นที่ใช้ เป็นปัญหาพื้น classic ที่เกิดขุ้นบ่อยมากเพราะผู้รับเหมาพื้นส่วนใหญ่คิดว่าใช้เครื่องปั่น grinding แบบเดียวใช้ได้ทุกพื้นผิว ซึ่งไม่เป็นความจริง การเลือกใช้เครื่องมือเตรียมผิวหน้าพื้นนั้นสำคัญมาก 70% ของคุณภาพพื้นจะดีไม่ดีอยู่ที่การเตรียมพื้นผิว พื้นเรซิ่นบางชนิดต้องใช้ floor grinding machine พื้นบางชนิดต้องการ shot blast machine บางชนิดต้องใช้ scarifying machine ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้างานและความเหมาะสมกับวัสดุที่เลือกใช้ทำพื้น พื้นที่ต้องการลอกผิวหน้าเพื่อให้เจอพื้นผิวที่แข็งแกร่งอาจะต้องใช้เครื่องขูดที่ลึกกว่าปกติทั้วไป การเตรียมผิวนั้นจุดประสงค์เพื่อ เพิ่มแรงยึดเกาะ ขูดผิวที่เสทื่อมสภาพหรือไม่ได้กำลังทิ้งไป ลอกผิวหน้าที่มีคราบสารเคมีหรือสารละลายตกค้าง เตรีียมพื้นผิวเพื่อเสริมกำลังคอนกรีตทีผิวหน้า ขูดลอกวัสดุเดิมออก เปิดหน้าให้เจอผิว aggregate เป็นต้น ซึ่งเน้นว่าสำคัญมากขั้นตอนนี้ ถ้าทำไม่ดี พื้นอีพ็อกซี่แพงๆ จะหลุดร่อนอย่างง่ายดาย

3. ปัญหาฟองอากาสบนผิวหน้าพื้นอีพ็อกซี่ เกิดได้บ่อยและพบมาก เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับ workmanship ซึ่งฟองอากาสนั้นเกิดที่ผิวหน้าได้ง่ายมาก เช่นถ้าพื้นผิวคอนกรีตไม่ได้รับการ seal อย่างดีและมีรูหรือช่องว่าง เมือเทพื้นอีพ็อกซี่จะมีโอกาสเกิดฟองอากาสบนผิวหน้าได้มากขึ้นหรือพื้นผิวมีสิ่งตกค้างเช่นน้ำมันหรือสารเคมี ก็จะส่งผลต่อผิวหน้าด้านบน เราสามารถ block หรือ seal รูต่างๆด้วยการเพิ่มชั้นต่างๆเพื่อป้องกันการเกิดฟองที่ผิวหน้าได้เช่น เพิ่มชั้น primer จาก 1 เที่ยวเป็น 2 เที่ยว หรือการเพิ่มชั้นเสริมแรง epoxy sand putty , epoxy sand mortar เพอ่มเก็บรายละเอียดที่จะเกิดฟองอากาสที่ผิวหน้าเรซิ่น โดยเราจะต้องตรวจสอบพื้นผิวทุกตารางนิ้วก่อนการเทพื้นอีพ็อกซี่ชั้นบนสุดเพื่อความสวยงาม ทั้งนี้ทั้งนั้นการเกิดฟองเพียงเล็กน้อยมีโอกาสเกิดได้เพราะเป็น man made floor หรือพื้นที่ทำด้วยมือทุกขั้นตอนการเกิดฟองเพียง 1-3% ของพื้นที่ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ควรยอมรับได้

4. การเกิดรอยร้าวบนผิวพื้นอีพ็อกซี่ เราขอแยกเป็นสองส่วนคือ รอยร้าวที่เกิดจากปัญหาด้านโครงสร้างหรือ structural crack ซึ่งเป็นรอยร้าวที่มีความกว้างมากกว่า 0.5มิลลิเมตร จะส่งผลต่อรอยร้าวที่เกิดบนผิวพื้นอีพ็อกซี่ เพราะรอยร้าวนั้นเป็นรอยร้าวที่หนักและยาวมีลักษณะลึก ต้องทำการซ่อมแซมแบบรอยร้าวโครงสร้าง เรานิยมซ่อมด้วย epoxy injection หากไม่ใช่รอยร้าวโครงสร้างแต่พบว่ารอยร้าวเกิดที่ผิวอีพ็อกซี่ สาเหตุมาจากหลายองค์ประกอบ เช่น การผสมไม่ได้อัตราส่วน การเทพื้นบริเวณนั้นทำการปาดบางเกินไปบางจนไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง หรือที่พบได้บ่อยอีกกรณีคือทำในขณะอุณหภูมิที่สูงมาก

ข้อควรรู้ก่อนเลือกทำรากฟันเทียมที่ไหนดี

การจะเลือกว่าควรทำรากฟันเทียมที่ไหนดีก่อนนั้นควรรู้ก่อนว่า ผู้ที่มีการสูญเสียฟันแท้ไปสามารถรับการรักษาด้วยรากฟันเทียมได้ทุกคนโดยไม่กำหนดช่วงอายุ แต่ไม่ควรทำในเด็กที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี เนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ สำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ ควรคลอดบุตรก่อน หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งที่ต้องได้รับการฉายรังสีบริเวณใบหน้า และขากรรไกร ผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบรุนแรง ผู้ป่วยที่เป็นลูคิเมีย ผู้ป่วยไฮเปอร์ไทรอยด์ควรได้รับการรักษาเพิ่มเติมก่อนทำการฝังรากเทียม สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน หรือสูบบุหรี่จัดจะมีผลต่อความสำเร็จในการรักษา ส่วนผู้ป่วยจิตเภท ผู้ป่วยที่มีอาการไขข้ออักเสบรุนแรง หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ไม่สามารถดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเองได้ ไม่ควรเข้ารับการทำรากฟันเทียม

อาการอย่างไร แพทย์จึงพิจารณาให้ทำรากฟันเทียมที่ไหนดีอย่างไร

ปัจจัยสำคัญ คือ คนไข้ต้องการฟันเทียมที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ต้องการยิ้ม และพูดคุยอย่างมั่นใจ ต้องการการบดเคี้ยวที่ดี หรือทดแทนฟันที่เหลืออยู่ซึ่งไม่แข็งแรง ไม่เหมาะเป็นฟันหลักยึดให้กับฟันเทียมชนิดอื่นๆ แม้แต่ในรายที่ทำฟันปลอมแบบถอดได้แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ รากฟันเทียมที่ไหนดีก็มีส่วนช่วยได้อย่างมากในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ปัจจุบันการใส่รากฟันเทียมในกรณีที่ฟันหายไป รากฟันเทียม ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในกรณีที่มีฟันหายไป 1 – 2 ซี่ รวมถึงรากฟันเทียมก็มีส่วนช่วยให้ฟันเทียมชนิดถอดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เรียกได้ว่ารากฟันเทียมมีส่วนช่วยในการทำฟันเทียมเกือบทุกกรณี

การเตรียมตัวเข้ารับการทำรากฟันเทียม

ผู้ป่วยที่จะเข้ารับการรักษาด้วยรากฟันเทียมที่ไหนดีนั้น จำเป็นจะต้องได้รับการตรวจ และประเมินโดยละเอียดจาก  ทันตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังเพราะอาจแก้ไขได้ยากมาก อีกทั้งทันตแพทย์จำเป็นต้องมีความรู้และความชำนาญ สามารถเลือกรากเทียมที่เหมาะสมกับคนไข้ มีความเข้าใจเรื่องการบดเคี้ยว และขั้นตอนทางทันตกรรมประดิษฐ์ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หรือรับประทานยาอยู่ควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบ และที่สำคัญผู้ป่วยควรดูแลสุขอนามัยช่องปากให้ดีก่อนเข้ารับการรักษา

อายุการใช้งาน และการดูแลรักษารากฟันเทียม

รากฟันเทียม ทำมาจากไททาเนียมซึ่งมีความคงทนมาก อายุการใช้งานจะอยู่ที่การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของผู้ป่วย รากฟันเทียมไม่ผุแต่เกิดโรคเหงือกอักเสบได้หากดูแลได้ไม่ดี การดูแลรักษาก็เหมือนการดูแลรักษาฟันธรรมชาติ คือ การแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟัน และได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ หากทำทุกอย่างได้ดีรากฟันเทียมก็จะอยู่ได้ไปตลอด